แฟรนไชส์ได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทย 20
กว่าปีมาแล้ว ในช่วงแรกยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
มีการชะลอตัวในช่วงวิกฤตทางเศรษฐกิจ
และเริ่มพัฒนาในช่วงที่ภาครัฐมีนโยบายให้การส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก หรือ SMEs
ระบบธุรกิจแฟรนไชส์เป็นระบบการทำงานที่รวมเอากลยุทธ์ข้อได้เปรียบจากการรวมตัวสร้างเป็นกำลังขององค์กรเล็กๆ มารวมกัน
ถึงแม้ว่าเป็นธรรมชาติที่มีโอกาสล้มเหลวได้เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ แต่ถ้าเมื่อใดมีการพัฒนาจนอยู่ในระดับที่ดีเพียงพอ
ธุรกิจก็จะสามารถยืนยาวได้มากกว่าธุรกิจอื่นๆ
การสร้างธุรกิจให้เป็นแฟรนไชส์หรือการลงทุนในระบบแฟรนไชส์นั้น
ต่างต้องมีความเข้าใจเพียงพอ
เมื่อเข้าใจแล้วก็จะสามารถป้องกันข้อผิดพลาดที่ไม่ควรเกิด
ถึงแม้ว่าธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศไทยที่มีการริเริ่มมากว่า
20 ปี ตั้งแต่ปี 2526 ในขณะนั้นต้องยอมรับว่าระบบแฟรนไชส์ของคนไทยมีการเติบโตช้า
ธุรกิจแรกๆ ที่พยายามผลักดันการขยายงานโดยใช้รูปแบบแฟรนไชส์คือ
ร้านค้าแบบมินิมาร์ทและธุรกิจด้านอาหาร
ระบบแฟรนไชส์ในช่วงนั้นได้รับความสนใจจากนักลงทุนบ้าง
แต่มักมีปัญหาในเรื่องความเข้าใจที่ถูกต้องของทั้งแฟรนไชส์ซอร์ที่เป็นเจ้าของสิทธิ์และแฟรนไชส์ซีที่เข้ามาซื้อสิทธิ์
เช่น
กรณีที่แฟรนไชส์ซีทำตัวเป็นผู้ลงทุนที่เน้นทำธุรกิจแบบซื้อเพื่อการลงทุนไม่มีการมองถึงการสร้างธุรกิจตนเอง
เมื่อไม่ลงทุนทำเองหรือเอาใจใส่ดูแลไม่ทั่วถึง ก็ทำให้ธุรกิจไปได้ไม่ดีเท่าที่ควรหรือแฟรนไชส์ซอร์หลายรายขายแฟรนไชส์โดยไม่ได้มองหาคนที่ทำจริงๆ
เป็นการสร้างระบบธุรกิจที่เข้าใจผิดคิดว่าธุรกิจนั้นสามารถวางรูปแบบของธุรกิจที่จัดจ้างหรือหาคนทำได้
ซึ่งความจริงแล้วธุรกิจแฟรนไชส์ระยะแรกนั้นต้องลงทุนลงมือทำเอง
เอาใจใส่เองเสียก่อนที่จะปรับปรุงธุรกิจให้เป็นระบบมากขึ้น
และแม้ตัวธุรกิจเองนั้นจะสามารถวางรูปแบบการทำงานด้วยการจัดจ้างทีมงานเข้ามาทำงานก็ตาม
เจ้าของที่ลงทุนก็ต้องมีความเข้าใจเป็นอย่างดีและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
หลังจากสภาวะเศรษฐกิจซบเซาในช่วงปี
พ.ศ.2536 ส่งผลให้ธุรกิจแฟรนไชส์ต่างๆ ได้รับผลเช่น โดมิโนพิซซ่า ป็อบอาย หรือ
เช็คกี้ เวนดี้ ที่ประสบปัญหาการขยายตัวและในที่สุดก็ต้องปิดตัวลง ระบบ แฟรนไชส์ได้รับความนิยมอีกครั้ง คือ ในช่วงปี
2537 ที่มีการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่ก็มีการหยุดการเติบโต
เนื่องจากเหตุผลด้านเศรษฐกิจที่ไม่อำนวยต่อการลงทุน
และความเข้าใจในเรื่องของการสร้างระบบแฟรนไชส์ของคนไทยเองที่ไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างจริงจัง
จากข้อมูลในช่วงปี 2543
มีธุรกิจร้านสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ในประเทศไทยที่ยังคงดำเนินการอยู่ประมาณ 120
ธุรกิจ จากที่มีประมาณ 180 ธุรกิจก่อนหน้านั้น โดยร้านระบบแฟรนไชส์ที่เหลืออยู่สามารถแบ่งเป็นประเภทธุรกิจต่างๆ
ได้ไม่เกิน 8 ประเภท ได้แก่ ประเภทอาหาร ร้อยละ 34 ประเภทการขายสินค้าเฉพาะอย่าง
เช่น ร้านขายยา ร้านเสื้อผ้า ฯลฯ ร้อยละ 20 ประเภทการบริการ เช่น รับจ้างซักรีด
รถเช่า ร้อยละ 18 ประเภทการศึกษา ร้อยละ 17 ประเภทค้าปลีก ร้อยละ 5 และอื่นๆ ร้อยละ 6
ปัจจุบันถือว่าเป็นช่วงของการสร้างธุรกิจที่เกิดจากบริษัทขนาดกลาง
เข้ามาพัฒนาระบบแฟรนไชส์ เพื่อที่จะสร้างร้านจำหน่ายของตนขึ้นในตลาด
เสมือนการสร้างช่องทางจัดจำหน่ายของสินค้า โดยกระจายการลงทุนด้วยระบบแฟรนไชส์ ด้วยศักยภาพที่ดีกว่า
และสามารถนำเอาความพร้อมขององค์กร ช่วยสร้างระบบงานและการสร้างตราสินค้าได้ดีกว่า
ทำให้ระบบเริ่มมีแนวทางที่ดีมากขึ้น
แต่ในระยะนี้ก็ยังมีธุรกิจขนาดเล็กที่สร้างความพร้อมของตนเองได้ดีขึ้น
ช่วงนี้เป็นช่วงของการเริ่มปรับตัวพร้อมกับมีหน่วยงานต่างๆ
ได้เข้ามามีส่วนในการปรับความเข้าใจในรูปแบบของธุรกิจได้ดีขึ้น
ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีต่อการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศ